1. เมล็ดบัวแคระตัดหัว 30 เมล็ด เมล็ดบัวถ้วยคละสี***ศึกษาวิธีการเพาะได้ในรายละเอียดสินค้า***
วิธีเพาะปลูก แปลและเรียบเรียงโดย MP.Seeds นําเมล็ดลงแช่น้ํา ภาชนะที่ใช้ควรเป็นภาชนะปากกว้าง ระดับน้ําที่ใช้ในการแช่ ประมาณพอท่วมเมล็ด 2-3 ซม 1-2 วันแรกต้องเปลี่ยนน้ํา 2-3 ครั้ง/วัน เนื่องจากน้ํามีการเปลี่ยนสี หลังจากวันที่ 3 เป็นต้นไป ค่อยเปลี่ยนน้ําทุกวัน เมื่อเข้าสู่วันที่ 3 เมล็ดบัวก็เริ่มงอกแล้ว เพื่อช่วยให้เมล็ดงอกเร็วขึ้น ควรขยายรูที่ทําไว้ในช่วงแรกให้กว้างขึ้น เมล็ดหลังการแช่น้ํา 2 วันเปลือกจะนิ่ม สามารถใช้เล็บหรือกรรไกรตัดเปลือกประมาณ 1/3-1/2 ของเปลือกทั้งหมดออก เพื่อให้เมล็ดงอกและออกรากได้ง่ายขึ้น ***การเพาะเมล็ดบัวแคระในช่วงเดือน พ.ย.-ก.พ อากาศเย็นมีผลทําให้อัตราการงอกต่ํา และงอกช้า ควรเอาเมล็ดบัวแคระที่แช่ไว้ออกไปตากแดดทุกวัน*** ระหว่างที่เมล็ดเริ่มงอก ยังเอาเมล็ดบัวลงดินไม่ได้ ช่วงนี้ควรเพิ่มระดับน้ําเป็น 5-7 ซม รอจนต้นอ่อนมีใบออกมา 2 ใบ(หรือเรียกว่า 2 ใบกับ 1 ยอด) และรากมีความยาวประมาณ 2-3 ซม ค่อยย้ายต้นบัวลงดินที่เตรียมไว้ การย้ายก็แค่กดเมล็ดบัวและรากบัวให้จมดิน ประมาณ 2-3 ซม บัวเป็นพืชที่ชอบปุ๋ยมาก ควรซื้อปุ๋ยบัวเม็ดมาเติมธาตุอาการแก่ต้นบัว ช่วงแรกที่ย้ายลงกระถางใหม่ห้ามใส่ปุ๋ย ช่วงนี้ต้นบัวค่อนข้างอ่อนแอ การให้ปุ๋ยอาจทําให้ต้นตายได้ ปุ๋ยควรเริ่มให้หลังต้นมีใบจริง 6-7 ใบ ภาชนะปลูกไม่ควรใช้ภาชนะที่เล็กเกิน แม้ขึ้นชื่อว่าเป็น”บัวถ้วย” ก็ไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะสามารถปลูกบัวในถ้วยได้ การที่จะปลูกบัวลงถ้วยและทําให้บัวออกดอกได้ จะต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญที่รู้เทคนิคระดับสูง แนะนําให้ใช้กระถางหรืออ่างที่มีปากกว้าง 25-30 ซม สูง 20 ซม.ขึ้นไป ช่วงแรกในการเจริญเติบโต ใบบัวที่ออกมาจะเป็นใบลอยน้ํา จึงจําเป็นต้องมีระดับน้ําที่ลึก 5-7 ซม เทคนิคในการปลูกบัวให้ได้ดอก สิ่งแรกคือ แสงแดด บัวแคระเป็นพืชที่ชอบแสงแดด การที่ได้รับแสงแดดไม่เพียงพอจะมีผลทําให้ต้นบัวมีแต่ใบ ไม่ออกดอก สิ่งที่ 2.คือจําเป็นต้องมีการให้ปุ๋ย โดยใช้ปุ๋ยเม็ด เสริมด้วยปุ๋ยน้ําที่มีธาตุอาหารรอง สิ่งที่ 3 คือน้ํา ควรมีการเปลี่ยนน้ํา 50% ทุก 7-10 วัน และบัวแคระชอบน้ําที่เป็นกรดอ่อนๆ ประมาณ ค่า PH 5.5-6.0