1. ขายเอามันส์ครับ ครกดินเผา 6“ เกรดบี สินค้ามีตําหนิพร้อมสากไม้
ผลิตจากดินเหนียวคัดเกรดเนื้อละเอียดคัดกรองหินเปลือกหอยแล้วนํามาขึ้นรูปปั้นขึ้นรูปเป็เป็นเครื่องครัวสําหรับทําอาหารประเภทตํา โขลก บด โดยจะมีปากที่กว้าง และสอบลงไปถึงก้นที่ลึกและเล็กทรงกรวย เผางานด้วยอุณหภูมิที่เหมาะสมเพื่อผลงานที่ทนทานในการใช้งาน เผากันข้ามวันข้ามคืนกันเลยทีเดียว กว่างานจะเย็นพอที่จะเปิดเตาได้ ใช้เวลานานหลายวันเลยครับ ครก เป็นของคู่ครัวและครอบครัวไทยมานานหลายร้อยปี เป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตที่สืบต่อกันมารุ่นแล้วรุ่นเล่า ครกมิใช่เป็นเพียงอุปกรณ์การทําครัวซึ่งมีความสําคัญต่อการปรุงอาหารให้มีรสชาติแบบไทยเท่านั้น แต่ยังมีความหมายทางวัฒนธรรมที่เราควรรู้จักและเห็นคุณค่า ก่อนที่ครกจะถูกแทนที่ด้วยเครื่องบดแบบฝรั่งไปเสียหมด ครกกระเบือ เป็นครกดั้งเดิมของคนไทย ทําจากดินปั้นแล้วเผา จากคําเล่าขานของคนโบราณพอจะอนุมาณได้ว่า ครกกระเบือเป็นที่นิยมใช้กันในครัวไทยมานานไม่ต่ํากว่า 800 ปี ครกกระเบือที่เก่าแก่ที่สุดเป็นครกในสมัยอยุธยา ทําด้วยดินเผาสีดํา เป็นครกปากกว้าง ขอบปากปั้นเป็นรูปกลมมนโค้งวงกลม ช่วงระหว่างปากครกถึงก้นครกจะค่อย ๆ สอบหรือเรียวเล็กลง โดยมีฐานรองอีกชั้นหนึ่ง มีลักษณะกลมมนคล้ายปากครก เพื่อให้สามารถรองรับน้ําหนักระหว่างใช้งานได้ดียิ่งขึ้น ครกกระเบือโดยทั่วไปมีทรงสูงกว่าครกหิน แต่จะมีขนาดไม่ใหญ่นัก เหมาะกับอาหารที่ไม่ต้องการให้ละเอียดมาก เช่น ส้มตํา หรือน้ําพริก ครกกระเบือจะใช้คู่กับสากที่ทําจากไม้เนื้อแข็ง จึงเรียกกันว่า ไม้ตีพริก แต่ชาวบ้านนิยมเรียกกว่า สากกระเบือ เดิมทีคนไทยสมัยโบราณนิยมใช้ครกที่ทําจากดินเผาเรื่อยมาจนถึงสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ซึ่งมีการติดต่อค้าขายกับจีน อิทธิพลจากชาวจีนได้มีส่วนทําให้ครกหินเป็นที่รู้จักและแพร่หลายมากขึ้น โดยอาศัยฝีมือในการแกะสลักหินของชาวจีนมาดัดแปลงทําครกนั่นเอง แต่ครกหินในสมัยนั้นนิยมใช้กันเฉพาะในหมู่ชนชั้นสูงเท่านั้น ชาวบ้านโดยทั่วไปยังนิยมใช้ครกที่ทําจากดินเผาอยู่เช่นเดิม เนื่องจากมีน้ําหนักเบาและราคาถูกหาซื้อได้ง่าย จนกระทั่งการทําครกหินได้กลายเป็นอุตสาหกรรมในครัวเรือนของไทยและมีแหล่งผลิตที่ขึ้นชื่อ เช่น อ่างศิลา ทําให้หาซื้อได้ง่ายและราคาถูกลง รวมถึงคุณสมบัติ ที่แข็งแรงทนทาน จึงทําให้ครกหินเป็นที่นิยมและแพร่หลายในหมู่คนทั่วไปมากขึ้น